เมื่อวันที่ 18 เดือนกุมภาพันธ์ ปีพ.ศ. 2565   เจ้าหน้าที่ตำรวจสภกงไกรลาศได้รับแจ้งจากชาวบ้านซึ่งรวมตัวกันมากกว่า 50 คนให้ดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดเนินกระชาย 

ซึ่งมีชื่อว่าพระวิโรจน์เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทั้งเสพยาเสพติดและยังมีการขโมยทรัพย์สินของวัดไปขายโดยมีหลักฐานอยู่ในห้องบนกุฏิ ชั้น 2 ซึ่งมีประชาชนเป็นจำนวนมากเห็นและสามารถเป็นพยานให้ได้

    หนึ่งในชาวบ้านที่มารวมตัวกันแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสนั้นเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านชื่อว่านายสมใจให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าที่วัดเนินกระชายนั้นมีพระสงฆ์เพียงรูปเดียวก็คือเจ้าอาวาสทวีโรจน์นั่นเองส่วนพระสงฆ์อื่นๆนั้นไม่มีใครที่จะอาศัยอยู่ที่วัดแห่งนี้ได้ต่างพากันย้ายออกแล้วไปจำพรรษาอยู่ที่วัดอื่นหมดเนื่องจากว่าทนพฤติกรรมของเจ้าอาวาสคนปัจจุบันไม่ได้นั่นเอง

         นายสมใจ ยังกล่าวอีกด้วยว่า ทวีโรจน์จำพรรษาอยู่ที่วัดเนินกระชายมานานกว่า 8 ปีแล้วแต่เป็นพระที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมจนชาวบ้านอื่นละอายโดยพระรูปนี้มักจะมีพฤติกรรมชอบเอาขโมยทรัพย์สินภายในวัดไปขายที่ร้านขายของเก่าซึ่งชาวบ้านนั้นเคยรวมตัวกันร้องเรียนไปที่สำนักสงฆ์ไปแล้วหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูแลปัญหาดังกล่าว

          ศาสนาเสื่อมเจ้าอาวาส หั่นพระพุทธรูป ล่าสุดชาวบ้านเห็นว่าประตูทางเข้าวัดนั้นหายไปซึ่งมั่นใจว่าน่าจะเป็นพระวิโรจน์ถอดรั้วประตูออกไปยิ่งทำให้ชาวบ้านนั้นพอไม่พอใจกันเป็นอย่างมาก

จึงได้นัดกันมารวมตัวที่วัดเพื่อสำรวจทรัพย์สินภายในวัดว่ามีอะไรหายไปบ้างพร้อมกันนี้ก็พากันทำความสะอาดวัดด้วยอย่างไรก็ตามเมื่อชาวบ้านเข้าไปในกุฏิของเจ้าอาวาสก็ต้องตกใจเป็นอย่างมากเพราะในห้องนั้นมีพระพุทธรูปที่ถูกหั่นเป็นชิ้นจำนวนหลายองค์ซึ่งนับได้ว่าน่าจะไม่ต่ำกว่า 8 องค์ถูกวางเรียงรายอยู่ในกุฏิ

          นอกจากนี้ยังพบอุปกรณ์สำหรับในการใช้เสพยาบ้าอยู่ในกุฏิของเจ้าอาวาสอีกด้วยดังนั้นชาวบ้านจึงได้ช่วยกันถ่ายรูปถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานแล้วนำหลักฐานทั้งหมดมาแจ้งความดำเนินคดีที่สภกงไกรลาศเพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบและขับไล่เจ้าอาวาสหรือทำการลาสิกขาไม่ให้เป็นพระสงฆ์อยู่ที่วัดเนินกระชายอีกต่อไป 

           อย่างไรก็ตามหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเรื่องก็ได้ทำการสืบสวนอย่างลับลับจนในที่สุดก็พบว่าเจ้าอาวาสมีความผิดจริงจึงได้เตรียมกำลังเข้าไปเพื่อทำการควบคุมตัวซึ่งสามารถจับกุมตัวได้ในขณะที่พระนิโรธนั้นหนีไปอยู่อาศัยอยู่ที่วัดอีกแห่งหนึ่งเมื่อสามารถควบคุมตัวได้แล้ว

จึงได้มีการให้พระวิโรจน์ทำการลาสิกขาและนำตัวมาที่สถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดีต่อไป เบื้องต้นอดีตเจ้าอาวาสยอมรับว่าได้เป็นคนหันพระพุทธรูปจริงแต่ที่ทำไปนั้นเพราะต้องการที่จะเอาพระพุทธรูปทั้งหมดมาทำการหลอมเป็นพระพุทธรูปองค์ใหม่ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ปักใจเชื่อ 

 

สนับสนุนโดย   Gclub ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ